* แบ่งปันภาพพื้นหลังภาพโปรดของคุณกับเพื่อนๆ! * วิดเจ็ตพิเศษสำหรับการตรวจดูเนื้อหาใหม่ๆ แบบรวดเร็วในหมวดหมู่ ใหม่ ยอดนิยม และฟรี * การล้างแคช ทำพื้นที่ในอุปกรณ์ของคุณให้ว่างอย่างง่ายดายและทำให้แอปทำงานเร็วขึ้น * แสดงตัวอย่างวิดีโอแบบเริ่มอัตโนมัติสำหรับภาพพื้นหลังเคลื่อนไหวได้ในโหมดเลื่อนหน้าจอ * คำแนะนำทีละขั้นเพื่อการใช้งานที่ง่าย * ดาวน์โหลดในแตะเดียวเพื่อ Camera Roll ใช้ประโยชน์จากหน้าจอล็อกของ iPhone ของคุณให้มากที่สุดด้วยภาพพื้นหลังมีชีวิต! ไม่ต้องลังเล รับตอนนี้เลย! SUBSCRIPTION PRICING AND TERMS Upgrade to the Premium Membership and unlock content, features and remove ads! Choose one of the following subscription options: - 1 week recurring subscription for $1. 99 after 7-day free trial - 1 week recurring subscription for $3. 99 / $7. 99 after 3-day free trial - 1 month recurring subscription for $3. 99 / $9. 99 / $19. 99 - 1 year recurring subscription for $19. 99 / $29. 99 / $49. 99 * The price is for US customers. Pricing in other countries may vary and actual charges may be converted to your local currency depending on the country of residence.
น่าสังเกตและคงทราบกันมานานแล้วว่า หนังของ มิยาซากิ นั้น มักมีพาหนะเกี่ยวกับ "เครื่องบิน" สาเหตุหนึ่งที่น่ามองก็คือ เขาเกิดในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง และแน่นอนว่าคงได้ยินเสียงได้เห็นเครื่องบินรบเต็มไปหมด อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเครื่องบิน แต่ มิยาซากิ นำเสนอในเชิงจินตนาการวัยเยาว์ ที่มาพร้อมความรู้สึก anti-war 5. ท่ามกลางคำชมหลายปากของคนดู คำพูดหนึ่งที่ผมชมและเห็นด้วยมาตลอดก็คือ ลายเส้นหรือภาพวาดในการ์ตูนของ จิบลิ ไม่เคยลืมหน้าที่ของตัวเอง ไม่ลืมรากเหง้าและ tradition ที่จะพูดในสิ่งที่ควรพูด เราจะเห็นว่าแม้แต่เสาไฟข้างถนน หรือหิ่งห้อยที่บินรอบต้นไม้ หนังก็ไม่เคยข้ามเรื่องเหล่านี้ไป รายละเอียดเกี่ยวกับชนบทหรือความเป็นเมืองนี่เอง ที่เป็นความแตกต่างระหว่าง จิบลิ กับ พิกซาร์ ในชายคาของดิสนีย์ 6. หนังการ์ตูนของ มิยาซากิ มักมีเสียงแอมเบียนที่ลอยอยู่ในหนัง มันเป็น mood ของหนัง เป็น feeling ที่เลี้ยงอารมณ์ของเรื่องไว้ตลอดเวลา น่าสนใจว่า เสียงของหนังนั้น ไม่เคยระรานหรือรบกวนเรื่องของหนังที่อยู่บนจอ แต่คุณลองดูการ์ตูนยุคใหม่ หรือหนังของฮอลลีวู้ด กระทั่งภาพยนตร์ดูสิ "เสียง" มักดังกว่า "หนัง" หรือเพราะนี่คือยุคสมัยแห่งเสียง เพราะไปที่ไหนๆ ในทุกวัน ก็มีแต่วัฒนธรรมเสียงตะโกนเต็มไปหมด (เสียงของอีเวนท์ เสียงของงานเปิดตัวสินค้า เสียงของพริตตี้ เสียงของลำโพง เสียงของนู่นนั่นนี่) และเมื่อเสียงแห่งขยะมากขึ้น เราก็ไม่ได้ยินเสียงของหัวใจกัน 7.