เพิ่มบทวิจารณ์ คำอธิบาย เขียนความเห็นที่ลึกซึ้ง ใช้ข้อความที่เข้าใจง่าย ไม่ใช้เครื่องหมายวรรคตอนมากเกินไป ใช้ไวยากรณ์อย่างเหมาะสม ตรวจสอบการสะกด และหลีกเลี่ยงการสบถ เลือกความยาวที่เหมาะสม ย่อหน้าเดียวก็พอแล้ว ใช้ความสร้างสรรค์และสนุกกับการเขียน
อนุสรณ์ ลิ่มมณี - อดีตหัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายละเอียดหนังสือ ISBN: 9789740334422 (ปกอ่อน) 776 หน้า ขนาด: 146 x 210 x 39 มม. น้ำหนัก: 805 กรัม เนื้อในพิมพ์: ขาวดำ ชนิดกระดาษ: กระดาษถนอมสายตา สำนักพิมพ์: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สนพ. แห่ง เดือนปีที่พิมพ์: --/2016 สินค้าที่ลูกค้ามักซื้อด้วยกัน
ทหารผู้กดดันถ่วงดุล 2. ทหารผู้พิทักษ์ 3.
ระบอบประชาธิปไตย 2. ระบอบกึ่งประชาธิปไตย 3. ระบอบกึ่งอำนาจนิยม 4. ระบอบอำนาจนิยม ซึ่งประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงนี้ยังไม่มีประเทศใดที่ถูกจัดว่าเป็นประเทศในระบอบประชาธิปไตย แต่มีแนวโน้มอยู่ในกลุ่มประเทศรูปแบบที่ 2 หรือ 3 รวมทั้งมีประเทศในรูปแบบที่ 4 คือระบอบอำนาจนิยมด้วย คลิปการบรรยายช่วงที่สอง "ทหารกับระบอบการเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ในส่วนของคลิปการบรรยายช่วงที่ 2 เป็นการบรรยายเรื่อง โดยเริ่มแรกอธิบายความเข้มแข็งขององค์กรทหาร ผ่านงานของแซมมวล ไฟเนอร์ เรื่อง "The man on horseback" ที่จำแนกลักษณะเด่นขององค์กรทหาร 5 ส่วน ได้แก่ 1. มีการบังคับบัญชาที่รวมศูนย์ 2. มีการบังคับบัญชาเป็นลำดับชั้น 3. มีระเบียบวินัย 4. มีการติดต่อสื่อสารระหว่างหน่วยงานภายในองค์กร 5. มีความสามัคคีรักพวกพ้องและเป็นองค์กรเอกเทศ จากนั้นเป็นการอธิบาย สาเหตุและรูปแบบการแทรกแซงทางการเมืองของทหารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่การแทรกแซงทางการเมืองของทหารมักเกิดจากโครงสร้างสังคมที่เต็มไปด้วยความสับสนไร้ระเบียบ รวมถึงความล้มเหลวของรัฐบาลพลเรือนในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ในขณะที่ความเข้มแข็งขององค์กรทหารโดยเฉพาะศักยภาพในการใช้กำลังก็ส่งผลให้ทหารมักประสบความสำเร็จในการแทรกแซงการเมือง พร้อมอธิบายระดับการแทรกแซงของทหารแบบ "ตราชั่งเสนาธิปัตย์" (Scale of Praetorianism) ได้แก่ 1.
ศ. 1828 ถึง 1926 และมีคลื่นโต้กลับประชาธิปไตยในช่วง ค. 1922 ถึง 1942 รัฐในยุโรปหลายรัฐเอนมาทางเผด็จการมากขึ้น แต่มีรัฐในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือ ประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 หรือช่วง ค. 1932 หรือในช่วงประชาธิปไตยคลื่นลูกที่สองหลัง ค. 1943 ถึง 1962 ซึ่งญี่ปุ่น อิตาลี หรือเยอรมันซึ่งเป็นฝ่ายอักษะเก่าแปลงสภาพมาเป็นรัฐประชาธิปไตย ขณะที่รัฐในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่งได้รับเอกราช หรือมีรัฐบาลที่ใช้อำนาจเต็มพิกัดเกิดขึ้นเช่น ระบอบซูการ์โนและต่อมาคือซูฮาร์โตในอินโดนีเซีย หรือรัฐประหาร ค. 1962 โดยนายพลเนวินในพม่า รวมทั้งรัฐบาลทหารของไทยด้วย คณะที่คลื่นลูกที่สามคือหลัง ค.
ดุลยภาค ปรีชารัชช บรรยายวิชา TU101 ที่ธรรมศาสตร์ นำเสนอการเมืองเปรียบเทียบอุษาคเนย์และการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตย ทหารกับระบอบการเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รูปแบบการเจรจาของชนชั้นนำเพื่อเปลี่ยนผ่านทางการเมือง โมเดลสืบทอดอำนาจและการถอนตัวออกจากการเมืองของกองทัพ เมื่อวันที่ 15 ก. พ.
การพัฒนาประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าขึ้น 2. การพัฒนาประชาธิปไตยในคราวลูกผสม และ 3. การพัฒนาประชาธิปไตยที่ล้มเหลว ทั้งนี้ดุลยภาคเสนอว่าสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออุษาคเนย์ ประชาธิปไตยกับเผด็จการอาจไม่ใช่ระบอบการเมืองที่เป็นคู่ตรงข้ามกันอย่างเด็ดขาด หากแต่มีการเจือปนผสมผสานกันในรูปแบบ "เผด็จการจำแลงในคราบประชาธิปไตย" นอกจากนี้ อุษาคเนย์ตั้งอยู่ตรงจุดทางแพร่งระหว่างสองสมการหลักคือ "ประชาธิปไตยที่ปราศจากกฎระเบียบที่มีค่าเท่ากับอนาธิปไตย" และ "กฎระเบียบที่ปราศจากประชาธิปไตยมีค่าเท่ากับเผด็จการ" ซึ่งหากแก้สองสมการนี้ได้จะช่วยการพัฒนาประชาธิปไตย และการปฏิรูปองค์กรทหารในด้านที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองได้มากขึ้น