ใช่แล้วครับ SUBSTITUTE นั่นเอง! หรือนำ SUBSTITUTE ไปครอบสูตรเดิม เป็น = SUBSTITUTE ( PROPER( SUBSTITUTE( A4, "-", "ก")), "ก", "-") ว้าว! โจทย์ข้อนี้สนุกดีใช่ไหมครับ ^_^ จากตรรกะเดิมที่ต้องใช้ IF หลายชั้นร่วมกับ ISERROR, FIND, LEFT, MID, UPPER, LOWER ซึ่งสูตรจะซับซ้อนและยาวไม่น้อยกว่า 3 บรรทัด พอใช้ SUBSTITUTE บรรทัดเดียว จบ! สูตรว่าเจ๋งแล้ว ที่เจ๋งกว่าคือ ตรรกะ ในชีวิตจริง ถ้าเจอโจทย์ที่ต้องใช้ IF ซ้อนกันหลายชั้น ทางแก้คือ ให้ใช้วิธีอื่น ถ้ามองที่มุมของ IF มุมมองอื่นจะโดนบัง และมุมนั้นอาจเป็น SUBSTITUTE ก็เป็นได้ อ้อ! ตรรกะนี้ผมไม่ได้คิดเองนะครับ คนคิดคือคุณ Bo Rydobon เจ้าของเฟซบุ๊กแฟนเพจ Excel Wizard นั่นเอง (บทความนี้ based on true story) ขอบคุณ Excel Wizard ที่แชร์เทคนิคดี ๆ วิซาร์ด วิเศษ จริงๆ ^__^ สำหรับใครที่สนใจไฟล์ตัวอย่างของบทความนี้ สามารถดาวน์โหลดเพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้เลยครับ หากคุณชอบบทความแนวนี้ สามารถอัพเดตบทความใหม่ๆโดยคลิก Like เฟซบุ๊กแฟนเพจ วิศวกรรีพอร์ต หรือคลิก ที่นี่ อย่าลืมแชร์ให้เพื่อนอ่านเพื่อเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะครับ ^__^
ในการทำเอกสาร Excel 2010 บางครั้งในเอกสารที่เป็นภาษาอังกฤษจะเป็นตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ แต่เรามีความจำเป็นต้องให้เป็นตัวพิมพ์เล็ก แต่ในเวิร์ดชีตมีหลายเซลมากจะมาแก้พิมพ์ใหม่ที่ละเซลก็ไม่ไหว Excel 2010 ก็มีวิธีช่วยท่านได้ครับ 1. เปิดเอกสาร Excel ของคุณขึ้นมาดูที่ข้อมูลที่จะเปลี่ยน 2. แล้วคลิกเลือกไปที่เซลที่จะแสดงผลในการเปลี่ยนแปลงข้อมูล 3. จากนั้นคลิกไปที่ริบบอนแท็บ Formulas แล้วคลิกที่ปุ่ม Text 4. จะมีรายการสูตรออกมา ให้เลือก LOWER 5. จะมีหน้าต่าง Function Arguments แสดงออกมาเพื่อให้เรากำหนดช่องข้อมูลในการแปลง 6. ให้คลิกที่เซลหรือข้อมูลที่ต้องการแปลง ตำแหน่งของของข้อมูลจะมาปรากฎที่ช่องว่าง Text 7. แล้วคลิก OK 8. ที่เซลที่เลือกไว้เพื่อแสดงข้อมูลการแปลง จะปรากฎผลเป็นตัวพิมพ์เล็ก ต่อมาเราก็เพียงคลิกลากเพื่อก็อปปี้สูตร ใช้กับเซลอื่นๆ หมายเหตุ ในทางกลับกันเราก็สามารถแปลงตัวพิมพ์เล็กให้เป็นพิมพ์ใหญ่ได้ เพียงเปลี่ยนสูตรจาก LOWER มาเป็น UPPER