ราม วัชรประดิษฐ์ แฟนพันธุ์แท้พระเครื่อง Share:
2542 เมื่อหลวงพ่อแพ มีบารมีมากขึ้นผู้คนเริ่มรู้จักตามลำดับ วัดหลายวัดต่างนิมนต์ หลวงพ่อแพท่านเป็นประธานในการก่อสร้างวัด วิหาร ถาวรวัตถุต่างๆมากมายหลายวัด และเมื่อ เดือนมีนาคม พ. 2493 ทางวัด แถบ อ. ท่าวุ้ง จ.
2469 ได้กลับมาอุปสมบทณ วัดพิกุลทอง โดยมีพระมงคลทิพย์มุนี เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิ์ราชาวาส กรุงเทพฯ เป็นพระอุปัชฌาย์, ท่านพระครูสิทธิเดช วัดชนะสงคราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ ท่านเจ้าอธิการอ่อน วัดจำปาทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "เขมังกโร" แล้วเดินทางกลับไปจำพรรษาที่วัดชนะสงคราม ศึกษาด้านพระปริยัติธรรมขั้นสูง จากนั้นได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ ปรมาจารย์ชื่อดังยุคนั้นเพื่อเรียนวิชาอาคมจนแตกฉานเชี่ยวชาญ ปี พ. 2473 อาจารย์หยด พวงมะสิต เจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง ลาสิกขาบท ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง ชาวบ้านพิกุลทองและจำปาทอง จึงนิมนต์ท่านให้รับตำแหน่งในปี พ. 2474 ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 26 ปี ต่อมาได้รับการแต่งตั้งสมณศักดิ์เรื่อยมาสมณศักดิ์สุดท้ายได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นกรณีพิเศษ ในวโรกาสเสด็จครองราชย์ครบ 50 ปี รัชกาลที่ 9เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมมุนี หลวงพ่อแพ เป็นพระนักพัฒนาและบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่อพระบวรพุทธศาสนาอย่างอเนกอนันต์ และนับเป็นพระคณาจารย์รูปสำคัญของเมืองสิงห์บุรี ได้อุทิศเวลาส่วนใหญ่ให้แก่ประชาชนผู้เดือดร้อนหรือตกทุกข์ได้ยาก ในแต่ละวันจะมีลูกศิษย์ลูกหา ผู้เคารพศรัทธาเดินทางมากราบขอพรอย่างไม่ขาดสาย จวบจนท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.